ดีท็อกซ์...สวนล้างลำไส้ ลดอุจจาระตกค้างในลำไส้ ลดสารพิษที่จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ร.พ.ยันฮี
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
กรุณาติดต่อลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อขอรับส่วนลดได้ที่เบอร์... เอ : 085-8625399
ทางเรามีบริการทำประวัติล่วงหน้า, จองคิวแพทย์ ดูแลท่านเมื่อมาถึงร.พ.
**(กรุณาติดต่อล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 วัน ก่อนที่ท่านจะมาเข้ารับการบริการจากทางร.พ.ค่ะ)
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
"ดีท็อกซ์" หรือการสวนล้างลำไส้ให้สะอาดลดสารพิษตกค้าง ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง อีกหนึ่งทางเลือกของคนรักสุขภาพ
ค่ารักษาดีท็อกซ์ สวนล้างลำไส้
ล้างลำไส้/ครั้ง 800 บาท
ล้างลำไส้/คอร์ส 3 ครั้ง 2,200 บาท
ล้างลำไส้/คอร์ส 5 ครั้ง 3,700 บาท
ล้างลำไส้/คอร์ส 10 ครั้ง 7,200 บาท
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
ดีท็อกซ์ สวนล้างลำไส้
" หนึ่งในวิธีธรรมชาติบำบัด...เพื่อสุขภาพที่ดี "
ดีท็อกซ์ คำที่คุ้นหูกันมานาน ยิ่งเดี๋ยวนี้คนหันมาเดินตามวิถีธรรมชาติกันมากขึ้น บวกกับผลดีของดีท็อกซ์ที่มีต่อสุขภาพ จึงไม่น่าแปลกใจ...ที่ดีท็อกซ์จะยืนกระแสในหมู่คนรักษาสุขภาพมายาวนาน ทว่ายังมีคนที่ไม่ทราบว่าดีท็อกซ์คืออะไรอยู่ไม่น้อย ถ้าเช่นนั้นมาทำความรู้จักดีท็อกซ์เพื่อเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพกัน
" ดีท็อกซ์ คืออะไร ? "
ดีท็อกซ์ เป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดและกำจัดของเสียต่าง ๆ ออกจากร่างกายโดยทั่วไป การดีท็อกซ์ลำไส้ มี 2 วิธี คือ
- ดีท็อกซ์ระดับล่าง ด้วยกาแฟ หรือสมุนไพร (ใช้น้ำ 5 ลิตร) เป็นการสวนล้างลำไส้ระดับล่างในช่วง 30 ซม. สุดท้ายของลำไส้ สามารถทำได้ด้วยตนเองที่บ้าน
- ดีท็อกซ์ส่วนบน ด้วยน้ำเกลือแร่ หรือกาแฟ (ใช้น้ำ 25 ลิตร) เป็นการล้างลำไส้ใหญ่ตลอดความยาว 150 ซม. ด้วยเครื่องล้างลำไส้ (COLONIC) ซึ่งสามารถควบคุมอุณหภูมิ ปริมาณและการไหลของน้ำที่เข้าสู่ร่างกาย
ทำไมต้องดีท็อกซ์?
สิ่งที่เราอาจไม่เคยรู้ก็คือ อาหารที่เรารับประทานประเภทที่มีเส้นใยน้อยหรือไม่มีเส้นใย เช่น เนื้อสัตว์ ไขมัน และแป้งขัดขาว เมื่อผ่านการย่อยสลายจะกลายสภาพเป็นตะกรันเหนียวหนับ เคลื่อนผ่านลำไส้ใหญ่ไปได้ลำบากและมักเกาะติดผนังลำไส้ แม้จะถ่ายอุจจาระทุกวันก็ไม่สามารถขจัดสิ่งดังกล่าวออกไปได้หมด ทำให้เกิดการบูดเน่าหมักหมม และเกิดสารพิษที่อาจส่งผลร้ายต่อร่างกายดังนี้
o ของเสียที่เป็นพิษต่อร่างกายจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด และหมุนเวียนอยู่ภายในร่างกายส่งผลให้เป็นไข้ อ่อนเพลีย มึนงง เวียนศีรษะ และเจ็บป่วยได้ง่าย
o ของเสียเหล่านี้ สามารถทำให้การทำงานของลำไส้ลดลง เกิดอาการเบื่ออาหาร ท้องอืด แน่นท้อง อาหารไม่ย่อย ตลอดจนทำให้มีอาการปวดท้องบ่อย ๆโดยไม่ทราบสาเหตุ
o การสะสมของเสียในลำไส้ใหญ่มาก ๆ จะขัดขวางการดูดซึมเกลือแร่ และวิตามินเข้าสู่ร่างกายทำให้ขาดสารอาหารที่มีคุณค่าได้
ดีท็อกซ์จึงเป็นวิธีที่ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยทำความสะอาดและขจัดของเสียหมักหมมในลำไส้ของคนเรา
ดีท็อกซ์มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร?
1. ช่วยทำความสะอาดลำไส้ อุจจาระ แบคทีเรียที่เป็นโทษต่อร่างกาย และสารพิษต่าง ๆ จะถูกชะล้างออกไป
2. เป็นการบริหารกล้ามเนื้อลำไส้ ของเสียที่ตกค้างมีผลทำให้ลำไส้อ่อนแอ และทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ ดีท็อกซ์ ช่วยส่งเสริมกล้ามเนื้อลำไส้ให้แข็งแรงและทำงานได้มากขึ้น จึงช่วยผลักดันของเสีย เช่น กากอาหารและอุจจาระออกจากลำไส้ได้เร็วขึ้น และไม่เกิดสารตกค้างจนกลายเป็นพิษ
3. ทำให้ลำไส้มีขนาดเป็นปกติ ดีท็อกซ์ช่วยให้ลำไส้เกิดการเคลื่อนตัว ช่วยลดอาการบวมหรือโป่งพองของลำไส้อันเนื่องมาจากการที่มีของเสียมาอุดตัน ทำให้ลำไส้มีรูปร่างปกติตามธรรมชาติ ซึ่งการรักษาทางยาหรือการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ อาจทำให้ลำไส้กลับคืนสู่รูปทรงปกติได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น
4. กระตุ้นจุดตอบสนองของระบบอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ปกติอวัยวะทุกส่วนจะมีการทำงานเชื่อมต่อกับลำไส้โดยจุดตอบสนอง การล้างลำไส้เป็นการช่วยกระตุ้นจุดที่ว่านี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อร่างกายโดยรวม เช่น ตับ ถุงน้ำดี ตับอ่อน ไต ต่อมน้ำเหลือง และการหมุนเวียนของเลือด เป็นต้น
5. ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ร่างกายของคนเราประกอบด้วยน้ำ 60-70% การสวนล้างลำไส้ด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือแร่ ร่างกายโดยรวมจะสามารถดูดซึมน้ำเหล่านั้นไปหล่อเลี้ยงเซลล์ต่างๆ เพื่อให้เซลล์เหล่านั้นทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมกับละลายและเจือจางเมือกที่สะสมอยู่ในผนังลำไส้ให้ขับออกได้สะดวกขึ้น
ดีท็อกซ์ด้วยเครื่องล้างลำไส้ทำอย่างไร?
ดีท็อกซ์ด้วยเครื่องล้างลำไส้เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ไม่ต้องเตรียมตัวใด ๆ ไม่ต้องอดอาหาร และไม่ต้องกินยาระบายมาก่อน สามารถทำได้ทุกเวลาที่สะดวก ใช้เวลาครั้งละ 45-60 นาที หลังทำจะไม่มีอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรืออ่อนเพลียเนื่องจากการสูญเสียเกลือแร่ เพราะแพทย์ได้ผสมน้ำยาเกลือแร่ลงในน้ำที่ผสมให้แต่แรกแล้ว จึงสามารถกลับบ้านได้ทันที
เครื่องล้างลำไส้ ประกอบด้วยเตียงนอนที่มีโถส้วมในตัว มีแท้งค์บรรจุน้ำ 25 ลิตร อยู่ปลายเตียง มีสายและท่อต่อมาทางใต้เตียงเพื่อใช้สำหรับสวนทวาร น้ำที่ปล่อยเข้าลำไส้เป็นน้ำที่ไหลลงมาตามแรงดึงดูดของโลก ไม่มีปั้มน้ำ ไม่มีแรงดันจึงไม่มีอันตรายใด ๆ วิธีการคือ แพทย์จะสอดหลอดสวนขนาดเท่ากับหลอดกาแฟเข้าทางทวารหนักอย่างนุ่มนวลลึกเพียง 2 นิ้ว เปิดให้น้ำอุ่นไหลเข้าลำไส้ช้า ๆ ระหว่างนั้นจะทำการนวดหน้าท้องไปด้วย เพื่อให้ตะกรันที่จับคราบไว้หลุดออกจากผนังลำไส้ ผู้ป่วยจะถ่ายเอาของเสียและน้ำออกจากลำไส้ ด้วยการเบ่งเหมือนกับการถ่ายอุจจาระตามปกติ ซึ่งปริมาณของน้ำที่ไหลเข้าไปในลำไส้แต่ละครั้งไม่ถึง 1 ลิตร จะถูกขับออกมาพร้อมกับของเสียผ่านทางทวารหนัก และผ่านออกข้างๆ หลอดสวนโดยไม่ต้องถอดหลอดสวนออก ทำหมุนเวียนเช่นนี้จนน้ำหมด 25 ลิตร ลำไส้จะสะอาดขึ้น และรู้สึกโล่งขึ้นในทันที
ดีท็อกซ์ด้วยเครื่องล้างลำไส้เจ็บหรือไม่?
ดีท็อกซ์ไม่สร้างความเจ็บปวดให้กับร่างกาย เพราะแพทย์ที่ทำการรักษามีความชำนาญสูง ถ้าจะมีบ้างก็จะออกมาในลักษณะของการปวดเบ่งหรือปวดถ่ายมากกว่า ซึ่งเป็นผลมาจากการบีบรัดของลำไส้ อย่างไรก็ตาม บางครั้งระหว่างการทำ กล้ามเนื้อลำไส้อาจจะหดเกร็งอย่างทันทีทันใด อันเนื่องมาจากการกระตุ้นของน้ำเกลือแร่หรือกาแฟ อาการที่เกิดตามมาอาจจะเป็นอาการตึงที่บริเวณช่องท้องหรือเกิดลมในช่องท้อง แต่อาการเหล่านี้จะเป็นไม่ค่อยมาก และเป็นอยู่เพียงระยะสั้น ๆ เท่านั้น
อยากดีท็อกซ์แต่เขินอาย...ควรทำอย่างไร?
เรื่องความเขินอายนี่ ไม่ใช่เป็นกันเฉพาะผู้หญิง แม้แต่กับผู้ชายก็เกิดขึ้นได้ การทำดีท็อกซ์ด้วยเครื่องล้างลำไส้ไม่น่าอายเลย เพราะจะทำในห้องที่มิดชิดเป็นส่วนตัว มีเพียงแพทย์และพยาบาลที่ทำการรักษากับตัวผู้ป่วยเท่านั้นที่อยู่ในห้อง แพทย์จะเป็นกันเองกับคนไข้ และพยายามทำให้คนไข้รู้สึกสบาย และผ่อนคลายมากที่สุด หลังจากสอดใส่ท่อยางเล็ก ๆ เข้าไปในส่วนของทวารหนักแล้ว แพทย์จะคลุมส่วนล่างของร่างกายด้วยผ้าอย่างมิดชิด จากนั้นจะปล่อยน้ำที่มีแรงดันตามความถ่วงของโลกเข้าไป เพื่อทำความสะอาดและล้างสิ่งสกปรกภายในลำไส้ ในระหว่างการรักษาจะไม่มีกลิ่นหรือสิ่งสกปรกเปรอะเปื้อนแต่อย่างใด
กรุณาติดต่อลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อขอรับส่วนลดได้ที่เบอร์... เอ : 085-8625399
ทางเรามีบริการทำประวัติล่วงหน้า, จองคิวแพทย์ ดูแลท่านเมื่อมาถึงร.พ.
**(กรุณาติดต่อล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 วัน ก่อนที่ท่านจะมาเข้ารับการบริการจากทางร.พ.ค่ะ)
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
"ดีท็อกซ์" หรือการสวนล้างลำไส้ให้สะอาดลดสารพิษตกค้าง ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง อีกหนึ่งทางเลือกของคนรักสุขภาพ
ค่ารักษาดีท็อกซ์ สวนล้างลำไส้
ล้างลำไส้/ครั้ง 800 บาท
ล้างลำไส้/คอร์ส 3 ครั้ง 2,200 บาท
ล้างลำไส้/คอร์ส 5 ครั้ง 3,700 บาท
ล้างลำไส้/คอร์ส 10 ครั้ง 7,200 บาท
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
ดีท็อกซ์ สวนล้างลำไส้
" หนึ่งในวิธีธรรมชาติบำบัด...เพื่อสุขภาพที่ดี "
ดีท็อกซ์ คำที่คุ้นหูกันมานาน ยิ่งเดี๋ยวนี้คนหันมาเดินตามวิถีธรรมชาติกันมากขึ้น บวกกับผลดีของดีท็อกซ์ที่มีต่อสุขภาพ จึงไม่น่าแปลกใจ...ที่ดีท็อกซ์จะยืนกระแสในหมู่คนรักษาสุขภาพมายาวนาน ทว่ายังมีคนที่ไม่ทราบว่าดีท็อกซ์คืออะไรอยู่ไม่น้อย ถ้าเช่นนั้นมาทำความรู้จักดีท็อกซ์เพื่อเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพกัน
" ดีท็อกซ์ คืออะไร ? "
ดีท็อกซ์ เป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดและกำจัดของเสียต่าง ๆ ออกจากร่างกายโดยทั่วไป การดีท็อกซ์ลำไส้ มี 2 วิธี คือ
- ดีท็อกซ์ระดับล่าง ด้วยกาแฟ หรือสมุนไพร (ใช้น้ำ 5 ลิตร) เป็นการสวนล้างลำไส้ระดับล่างในช่วง 30 ซม. สุดท้ายของลำไส้ สามารถทำได้ด้วยตนเองที่บ้าน
- ดีท็อกซ์ส่วนบน ด้วยน้ำเกลือแร่ หรือกาแฟ (ใช้น้ำ 25 ลิตร) เป็นการล้างลำไส้ใหญ่ตลอดความยาว 150 ซม. ด้วยเครื่องล้างลำไส้ (COLONIC) ซึ่งสามารถควบคุมอุณหภูมิ ปริมาณและการไหลของน้ำที่เข้าสู่ร่างกาย
ทำไมต้องดีท็อกซ์?
สิ่งที่เราอาจไม่เคยรู้ก็คือ อาหารที่เรารับประทานประเภทที่มีเส้นใยน้อยหรือไม่มีเส้นใย เช่น เนื้อสัตว์ ไขมัน และแป้งขัดขาว เมื่อผ่านการย่อยสลายจะกลายสภาพเป็นตะกรันเหนียวหนับ เคลื่อนผ่านลำไส้ใหญ่ไปได้ลำบากและมักเกาะติดผนังลำไส้ แม้จะถ่ายอุจจาระทุกวันก็ไม่สามารถขจัดสิ่งดังกล่าวออกไปได้หมด ทำให้เกิดการบูดเน่าหมักหมม และเกิดสารพิษที่อาจส่งผลร้ายต่อร่างกายดังนี้
o ของเสียที่เป็นพิษต่อร่างกายจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด และหมุนเวียนอยู่ภายในร่างกายส่งผลให้เป็นไข้ อ่อนเพลีย มึนงง เวียนศีรษะ และเจ็บป่วยได้ง่าย
o ของเสียเหล่านี้ สามารถทำให้การทำงานของลำไส้ลดลง เกิดอาการเบื่ออาหาร ท้องอืด แน่นท้อง อาหารไม่ย่อย ตลอดจนทำให้มีอาการปวดท้องบ่อย ๆโดยไม่ทราบสาเหตุ
o การสะสมของเสียในลำไส้ใหญ่มาก ๆ จะขัดขวางการดูดซึมเกลือแร่ และวิตามินเข้าสู่ร่างกายทำให้ขาดสารอาหารที่มีคุณค่าได้
ดีท็อกซ์จึงเป็นวิธีที่ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยทำความสะอาดและขจัดของเสียหมักหมมในลำไส้ของคนเรา
ดีท็อกซ์มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร?
1. ช่วยทำความสะอาดลำไส้ อุจจาระ แบคทีเรียที่เป็นโทษต่อร่างกาย และสารพิษต่าง ๆ จะถูกชะล้างออกไป
2. เป็นการบริหารกล้ามเนื้อลำไส้ ของเสียที่ตกค้างมีผลทำให้ลำไส้อ่อนแอ และทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ ดีท็อกซ์ ช่วยส่งเสริมกล้ามเนื้อลำไส้ให้แข็งแรงและทำงานได้มากขึ้น จึงช่วยผลักดันของเสีย เช่น กากอาหารและอุจจาระออกจากลำไส้ได้เร็วขึ้น และไม่เกิดสารตกค้างจนกลายเป็นพิษ
3. ทำให้ลำไส้มีขนาดเป็นปกติ ดีท็อกซ์ช่วยให้ลำไส้เกิดการเคลื่อนตัว ช่วยลดอาการบวมหรือโป่งพองของลำไส้อันเนื่องมาจากการที่มีของเสียมาอุดตัน ทำให้ลำไส้มีรูปร่างปกติตามธรรมชาติ ซึ่งการรักษาทางยาหรือการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ อาจทำให้ลำไส้กลับคืนสู่รูปทรงปกติได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น
4. กระตุ้นจุดตอบสนองของระบบอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ปกติอวัยวะทุกส่วนจะมีการทำงานเชื่อมต่อกับลำไส้โดยจุดตอบสนอง การล้างลำไส้เป็นการช่วยกระตุ้นจุดที่ว่านี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อร่างกายโดยรวม เช่น ตับ ถุงน้ำดี ตับอ่อน ไต ต่อมน้ำเหลือง และการหมุนเวียนของเลือด เป็นต้น
5. ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ร่างกายของคนเราประกอบด้วยน้ำ 60-70% การสวนล้างลำไส้ด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือแร่ ร่างกายโดยรวมจะสามารถดูดซึมน้ำเหล่านั้นไปหล่อเลี้ยงเซลล์ต่างๆ เพื่อให้เซลล์เหล่านั้นทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมกับละลายและเจือจางเมือกที่สะสมอยู่ในผนังลำไส้ให้ขับออกได้สะดวกขึ้น
ดีท็อกซ์ด้วยเครื่องล้างลำไส้ทำอย่างไร?
ดีท็อกซ์ด้วยเครื่องล้างลำไส้เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ไม่ต้องเตรียมตัวใด ๆ ไม่ต้องอดอาหาร และไม่ต้องกินยาระบายมาก่อน สามารถทำได้ทุกเวลาที่สะดวก ใช้เวลาครั้งละ 45-60 นาที หลังทำจะไม่มีอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรืออ่อนเพลียเนื่องจากการสูญเสียเกลือแร่ เพราะแพทย์ได้ผสมน้ำยาเกลือแร่ลงในน้ำที่ผสมให้แต่แรกแล้ว จึงสามารถกลับบ้านได้ทันที
เครื่องล้างลำไส้ ประกอบด้วยเตียงนอนที่มีโถส้วมในตัว มีแท้งค์บรรจุน้ำ 25 ลิตร อยู่ปลายเตียง มีสายและท่อต่อมาทางใต้เตียงเพื่อใช้สำหรับสวนทวาร น้ำที่ปล่อยเข้าลำไส้เป็นน้ำที่ไหลลงมาตามแรงดึงดูดของโลก ไม่มีปั้มน้ำ ไม่มีแรงดันจึงไม่มีอันตรายใด ๆ วิธีการคือ แพทย์จะสอดหลอดสวนขนาดเท่ากับหลอดกาแฟเข้าทางทวารหนักอย่างนุ่มนวลลึกเพียง 2 นิ้ว เปิดให้น้ำอุ่นไหลเข้าลำไส้ช้า ๆ ระหว่างนั้นจะทำการนวดหน้าท้องไปด้วย เพื่อให้ตะกรันที่จับคราบไว้หลุดออกจากผนังลำไส้ ผู้ป่วยจะถ่ายเอาของเสียและน้ำออกจากลำไส้ ด้วยการเบ่งเหมือนกับการถ่ายอุจจาระตามปกติ ซึ่งปริมาณของน้ำที่ไหลเข้าไปในลำไส้แต่ละครั้งไม่ถึง 1 ลิตร จะถูกขับออกมาพร้อมกับของเสียผ่านทางทวารหนัก และผ่านออกข้างๆ หลอดสวนโดยไม่ต้องถอดหลอดสวนออก ทำหมุนเวียนเช่นนี้จนน้ำหมด 25 ลิตร ลำไส้จะสะอาดขึ้น และรู้สึกโล่งขึ้นในทันที
ดีท็อกซ์ด้วยเครื่องล้างลำไส้เจ็บหรือไม่?
ดีท็อกซ์ไม่สร้างความเจ็บปวดให้กับร่างกาย เพราะแพทย์ที่ทำการรักษามีความชำนาญสูง ถ้าจะมีบ้างก็จะออกมาในลักษณะของการปวดเบ่งหรือปวดถ่ายมากกว่า ซึ่งเป็นผลมาจากการบีบรัดของลำไส้ อย่างไรก็ตาม บางครั้งระหว่างการทำ กล้ามเนื้อลำไส้อาจจะหดเกร็งอย่างทันทีทันใด อันเนื่องมาจากการกระตุ้นของน้ำเกลือแร่หรือกาแฟ อาการที่เกิดตามมาอาจจะเป็นอาการตึงที่บริเวณช่องท้องหรือเกิดลมในช่องท้อง แต่อาการเหล่านี้จะเป็นไม่ค่อยมาก และเป็นอยู่เพียงระยะสั้น ๆ เท่านั้น
อยากดีท็อกซ์แต่เขินอาย...ควรทำอย่างไร?
เรื่องความเขินอายนี่ ไม่ใช่เป็นกันเฉพาะผู้หญิง แม้แต่กับผู้ชายก็เกิดขึ้นได้ การทำดีท็อกซ์ด้วยเครื่องล้างลำไส้ไม่น่าอายเลย เพราะจะทำในห้องที่มิดชิดเป็นส่วนตัว มีเพียงแพทย์และพยาบาลที่ทำการรักษากับตัวผู้ป่วยเท่านั้นที่อยู่ในห้อง แพทย์จะเป็นกันเองกับคนไข้ และพยายามทำให้คนไข้รู้สึกสบาย และผ่อนคลายมากที่สุด หลังจากสอดใส่ท่อยางเล็ก ๆ เข้าไปในส่วนของทวารหนักแล้ว แพทย์จะคลุมส่วนล่างของร่างกายด้วยผ้าอย่างมิดชิด จากนั้นจะปล่อยน้ำที่มีแรงดันตามความถ่วงของโลกเข้าไป เพื่อทำความสะอาดและล้างสิ่งสกปรกภายในลำไส้ ในระหว่างการรักษาจะไม่มีกลิ่นหรือสิ่งสกปรกเปรอะเปื้อนแต่อย่างใด
0 comentários:
แสดงความคิดเห็น